พูดไม่เก่งแต่ว่าต้องพรีเซนต์แก้ยังไง?


ไม่เก่ง แต่ว่าต้องพรีเซนต์แก้ยังไง

สวัสดีครับวันนี้มาแบ่งปันความรู้เรื่องการที่จะต้องพูดนําเสนอหลังจากที่เรามีสไลด์ที่ดีแล้วนะครับ แต่ว่าเวลาเราขึ้นไปพรีเซนต์กับผู้บริหารเจอคนเยอะๆ ปากสั่น ขาสั่น ตลอดเวลาแก้ยังไงดีนะครับ 

 

วันนี้เดี๋ยวผมพูดสองประเด็นแล้วกัน 

หนึ่ง คือ เรื่องของชุดความเชื่อ หรือ วิธีคิด ของเรานะครับ ผมเองต้องบอกว่าอาจจะไม่รู้โชคร้ายและโชคดี คือ ด้วยอาชีพก็ต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆซึ่งจริงๆ แล้วตัวเองเป็น introvert แล้วก็เป็นคนที่แบบพูดไม่เก่งเลยนะ จริงๆ แล้ว คือ แบบฝึกมาเยอะๆ มาก นานมากกว่าจะพูดได้เดี๋ยวลองให้ดูตัวอย่างนะว่าผมต้องไปพูดประมาณไหน

อย่างอันนี้ คือ ไปพูดที่บริษัทๆ หนึ่ง ประมาณทีเดียว 100 คน

แล้วก็ไปพูดที่ไบเทคบางนาทีเดียวพร้อมๆ กัน 200-300 ท่านนะครับ

ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเจอก็ คือ ประมาณสัก 600 คนบนเวที ขึ้นไปอยู่สูง 2 เมตร ยืนอยู่ที่สูงมากนะครับ

แล้วก็มองลงมา

เนี่ย คือมีคนจํานวนมาก 600 คนกว่าคนนะครับ ถามว่าเอาตัวรอดมาได้ยังไงนะครับ

วิธีคิดผมได้มาจาก คนหนึ่งที่เป็น Keynote Speaker ดังมากๆ ในประเทศไทย

เขาให้เขาให้แง่คิดเขาบอกว่า ให้คิดอย่างนี้เวลาที่เราได้โอกาสมาพูดต่อหน้าคนจํานวนมากๆมันหมายความว่า มีอะไรบางอย่างที่เรากำลังช่วยให้คนจํานวนมากๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นได้

ให้ๆเต็มที่แล้วถ้าทําเต็มที่แล้วไม่มีอะไรหรอกครับที่เขาจะต้องโกรธเรา ขอแค่ว่าเราตั้งใจทําเพื่อพวกเขาแล้วกันอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งคําก็ประมาณเนี้ย

 

ถ้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆ แล้วสั่น ให้คิดว่าเรากําลังช่วยให้เขาทํางานง่ายขึ้นมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วก็ถ้าเกิดเราทําเต็มที่แล้วก็ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องโกรธเรานะครับ

ผมคิดประโยคเนี้ย ว่าเฮ้ยฉันมาดี ฉันตั้งใจ ฉันอยากให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นเอาเขาเป็นตัวตั้ง แล้วเราก็จะวางทิฐิ วางอัตตาความรู้สึกกังวล ความคาดหวังของตัวเองออกไป เรียบเรียงความคิดและพูดตามที่คิดไว้

แล้วมันก็จะดีขึ้นนะครับ อันนี้คือ ชุดความเชื่อที่ผมอยากให้พวกเราลองเอาไปใช้ดูนะแต่ก็อยู่ดีแหละ สุดท้ายมันก็ต้องฝึก แล้วถ้าเกิดบอกเป็นคนที่ไม่ชอบพูดเลยแบบนั้นนะ พูดทีหนึ่งต้องคิด

โดยที่หัวข้อที่เราตั้งชื่อเอาไว้ก็ คือ เราจะขออนุมัติงบประมาณ “โครงการ 5 ส”

หลายๆ ท่านอาจจะงงว่า 5 ส คืออะไร

คือการบริหารจัดการพื้นที่ทํางานให้มีประสิทธิภาพประกอบไปด้วย สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ แล้วก็สร้างนิสัยนะ

ในปี 2022 เนี่ย เราอยากได้งบประมาณมาทํา

เรามองแล้วว่าประเด็นสําคัญ หรือ ประโยคสําคัญที่เราอยากจะสื่อสารให้ผู้บริหารรับทราบคืประโยชน์ 5ส เนี่ย มันช่วยลดต้นทุนได้ 7 ล้านบาท

 

คีย์ของเราเป็นประมาณนี้ เราอาจจะทําสไลด์ แล้วเราก็แค่พูดตามสไลด์แบบนี้เป็นต้นนะ

เดี๋ยวผมจะลองพูดให้ฟังดูนะครับ ผมไม่ได้ออกท่าทางเยอะ ผมไม่ได้ชวนคุยอะไรเก่ง ผมจะพูดตามสไลด์เท่านั้น

สวัสดีครับประเด็นสําคัญที่อยากจะสื่อสารกับท่านผู้บริหารก่อนเลยก็คือว่า

สรุปกิจกรรม 5 ส จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนได้ 7 ล้านบาท ต่อปี

2. วัตถุประสงค์ของการทํา 5 ส คือ  

เราตั้งใจอยากจะให้ 3 ภาคส่วนได้ประโยชน์ แล้วก็มีความสุขทุกฝ่ายนะครับ1 ส่วนที่หนึ่งก็คือ เราอยากจะให้พนักงานมีความสุขกับการทํางานที่มีประสิทธิภาพขึ้น ปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น 2 เราอยากให้สังคม ได้รับของบริจาคจากหน่วยงานของเรา เราอาจจะไม่ได้ใช้แต่หน่วยงานอื่นอาจจใช้ได้3 แล้วก็เราก็อยากจะให้องค์กร เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น

3. หลักการของ 5 ส โดยคร่าวๆ นะครับ ถ้าเกิดท่านผู้บริหารอาจจะเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกมันประกอบไปด้วย 5 คําที่เป็นตัว ส เสือ คือ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย เดี๋ยวถ้ามีคําถามหลังจากที่ผมพรีเซนต์จบ เดี๋ยวผมสามารถอธิบาย เป็นข้อๆ ได้นะครับ

ประเด็นสําคัญที่เราจะจําการอบรมให้กับพนักงาน ก็คือว่า

พนักงานแค่รู้จัก 5ส ยังไม่พอ แต่เขาจะต้องเข้าใจแล้วเขาจะต้องทําได้ทั้งองค์กรคําถามถัดมาที่หลายหลายท่านอาจจะสงสัยว่าแล้วจ่ายงบประมาณไป 2 แสนบาท ประหยัดต้นทุนได้ 7 ล้านก็จริงแต่มันทําครั้งเดียวแล้วมันหายไปเลยหรือเปล่า ทํายังไงให้มันยั่งยืน

 

คําตอบก็ คือ เราอาจจะต้องมี 3 องค์ประกอบหลักๆ แล้วก็มี 6 องค์ประกอบย่อยๆ นะครับดังนี้

4. 6 ปัจจัยที่ทำให้ 5 ส ยั่งยืนในองค์กร

 

  • บุคคล ตัวพนักงานนะครับ เขาจะต้อง “รู้สึกสนุก” 
  • บุคคล ตัวพนักงานเองเขาจะต้อง “ทําได้” 
  • เพื่อนร่วมงานจะต้องให้ความ “ร่วมมือ” เวลาทํา
  • ในองค์กรควรจะต้องมีคนที่ % ทําได้เยอะๆ มากกว่าหนึ่งคน
  • ตัวองค์กรเองหรือว่าบริษัทเอง จําเป็นจะต้องมีของ “รางวัล” เป็นแรงจูงใจ 
  • เพื่อให้พนักงานเนี่ย ยอมเปลี่ยนพฤติกรรม
  • แล้วก็ข้อสุดท้าย ก็คือ ต้องมี “ระบบการจัดการ” กับการทํา 5 ส ที่ดี

ถ้าหกข้อนี้ก็มีองค์ ที่วัฒนธรรมการทํา 5 ส เนี่ย จะยั่งยืนในองค์กร

  1. กิจกรรมนะครับ เครื่องมือที่เราวางเอาไว้ มี 3 หลักนะครับ

เรามองว่ามี 7 ทั้งหมดกิจกรรม กิจกรรมที่เราคิดว่าเป็นไฮไลท์สําคัญน่าจะเป็นหัว2 สอง ซึ่งก็คือ เรื่องของการประกวด 5ส เหตุผลก็เพราะว่า เราต้องการให้พนักงานเช็กนะครับว่าเขามีความอิน กับเรื่องที่เราอยากจะทํามากน้อยแค่ไหน มาร่วมกันกี่คน ทําได้จริงไหมแล้วเกิดประโยชน์กับอก หรือเปล่า

5. แผนงานที่เราวางไว้นะครับ จะมีทั้งหมดห้าหลักด้วยกัน

  • Communication เราจะเริ่มทําการสื่อสาร
  • จัดอบรม
  • Execution เราจะเริ่มทําเคลียร์ของนะครับลงมือปฏิบัติ
  • Campaign งานจัดประกวดทีมที่ชนะเลิศ ทีมที่ชนะเลิศ เนี่ยจะให้เขาไปอยู่ที่หัวข้อ big cleaning day
  • Move to office ทีมที่ชนะ คือ ให้เขาไปมีส่วนร่วมกับการเคลียร์ของครั้งใหญ่ แล้วก็เริ่มจัดออฟฟิศใหม่ใน mile stone

6. ตัวชี้วัด

เราจะใช้ 3 ตัวที่เราพูดไปแล้วว่าอยากให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์นะครับโดยที่เราจะทําแบบสอบถาม ก็จะให้พนักงาน เขามีความสุข

ทําแบบสอบถาม เนาะ ก่อน-หลังนะครับว่าเขาแฮปปี้มากขึ้นถึง 10% หรือเปล่า เราต้องคุยกันนิดหนึ่งนะ

ท่านผู้บริหารว่าเราอยากจะตั้งเป้าว่าจะมอบของให้กับองค์กรภายนอกได้กี่ชิ้นคิดเป็นมูลค่ากี่บาท เผื่อเอาไว้ใช้สําหรับทํา PR และแน่นอนครับ

วัตถุประสงค์หลักของเราก็ คือ เราต้องการให้องค์กรมีต้นทุนที่ดีขึ้น

เพราะฉะนั้นเราตั้งเป้าว่า  เราอยากจะประหยัดกระดาษให้ได้สัก 20% เมื่อเทียบกับก่อนทําลดพื้นที่จัดเก็บของที่ไม่จําเป็นนะ จะได้ลดค่า ค่าเช่าได้


ลดความสูญเปล่าจากการที่พนักงานจะต้องค้นหาของที่มันสูญหายนะครับให้ได้ 1% ซึ่งตัวเลขนี้ถ้าคํานวณแล้วทั้งหมดก็จะประหยัดเงินได้คร่าวคร่าวอยู่ที่ปีละ 7 ล้านบาทรายละเอียดเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังทีหลัง หากท่านผู้บริหารมีข้อสงสัยนะครับ

7. งบประมาณหรือทรัพยากร

ทีนี้มาถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ก็คือ จะมี 2 ส่วนด้วยกัน 

  • ส่วนที่หนึ่งก็คือส่วนที่เป็นภายใน ซึ่งอันนี้สามารถจะตกลงกันเองได้นะครับโดยคร่าวๆ มองว่าน่าจะมี 2 ก้อนด้วยกันนะครับ คือ รางวัลสําหรับ ทํากิจกรรมกับการจ้าง Sub-Contract มาช่วย Support
  • ส่วนที่จะต้องจ่ายให้ที่ปรึกษาหรือว่าจ่ายให้ผมนะก็มันจะมี 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่ง 3 ก้อนนี้รวมกันแล้วมีมูลค่าหรือ มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2 แสนบาท

สังเกตเห็นไหมครับว่า ผมก็พูด คล้ายๆ เดิม ผมพูดตามสไลด์แต่ถ้าเกิดเราฝึกเป็นอย่างดี ตกผลึกเป็นอย่างดี

มันมีโอกาสสูงมากเลยที่คนฟังเขาก็จะเข้าใจง่าย เพราะว่า วัตถุดิบเราดีอยู่แล้ว โอเคไหมครับ

วันนี้ถ้ารู้สึกว่ายังไม่คล่อง ก็ท่องตามครับ

 

ฝึกเรียบเรียงความคิดผ่านการทําสไลด์ให้ดีที่สุด แล้วก็พูดตามที่คิดเอาไว้

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ แล้วเดี๋ยวพบกัน

อย่าลืมกด Like กด Subscript กับช่อง “สรุปให้”

เซ็นเซแป๊ะ แล้วก็ติดตามใน FACEBOOK ด้วยนะครับ สวัสดีครับ

© COPYRIGHT 2021, ALL RIGHTS RESERVED